วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Photo by me

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ ช่วงนี้มาบ่อยจิงอะไรจิง 555555

         วันนี้จะเอาภาพถ่ายที่เราถ่ายเองมาให้ชมกัน อิอิ 
เราเป็นคนนึงที่ชอบถ่ายรูปมาก การถ่ายรูปทำให้เราผ่อนคลาย เรารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้จับกล้อง
จริงๆแล้วก็ถ่ายไปเรื่อยๆ ไม่ได้ถ่ายอะไรเก่งมาก อาศัยมั่วๆไปเท่านั้น 
เพื่อนๆคนไหนที่ชอบถ่ายรูปก็เอามาแชร์ให้ดูมั่งนะคะ  ตอนนี้ไปดูรูปกันดีกว่า


 
รูปนี้เป็นงานถ่ายแฟชั่นของวิชาแฟชั่นที่เราเรียน ถ่ายรูปครั้งนี้สนุกมาก


อันนี้ก็งานแฟชั่นเหมือนกัน แต่อันนี้แอบไปถ่ายเล่นกะเพื่อนๆ


อันนี้หลานสุดที่รัก ดื้อมากกกก กว่าจะจับมาถ่ายรูปได้ ไม่ใช่เล่นๆ




























           นี่ก็เป็นภาพส่วนหนึ่งที่เราถ่ายไว้ เอามาให้ดูขำๆ ฮ่าๆ ใครมีภาพสวยๆเอามาแบ่งกันดูมั่งนร๊าา
วันนี้ไปก่อนล่ะ บ๊ายบายจ้า

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แนะนำซีรี่ย์เกาหลีสนุกๆ

สวัสดีจ้าเพื่อนๆทุกคน 

          อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้วววว เฮ้อ ปีนึงนี่มันผ่านไปไวจิงๆเลย
เนื่องจากวันปีใหม่จะเป็นวันหยุดยาวหลายวันของเพื่อนๆ เพื่อนๆบางคนอาจไปเที่ยวสังสรรค์กับครอบครัวที่บ้านหรือบางครอบครัวก็พากันออกไปท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆมีความสุขกับการไปเที่ยวนะจ๊ะเก็บเกี่ยวความสุขได้เยอะๆนร๊า  ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ไม่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดหรือไม่มีแพลนที่จะไปเที่ยวไหน คงเบื่อแย่เลยอยู่บ้านเฉยๆไม่สนุกเลยอ่ะ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำซีรี่ย์สนุกๆมาให้เพื่อนๆดูกันนะ ซีรี่ย์ส่วนใหญ่ที่นำมาแนะนำในวันนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากถึงกับคลั่งแต่ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะชอบเหมือนกันหรือป่าว ยังไงก็ลองเข้ามาดูก่อนได้เน้ออ ไม่คิดตังค์ ^^
       
         เรื่องที่นำมาแนะนำวันนี้ก็คือเรื่อง The Master's Sun ค่ะ

The Master’s Sun





ชื่อเรื่อง : 주군의 태양 / The Master’s Sun 
ชื่อเรื่องอื่นๆ : The Sun of My Master / The Sun of the Lord / 主君的太陽
ประเภท: สยองขวัญ แฟนตาซี โรแมนติก คอมเมดี้
จำนวนตอน : 17
ออกอากาศช่อง : SBS
ช่วงเวลาออกอากาศ : 7 ส.ค. 2556 - 26 ก.ย. 2556 
เวลาออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 22:00 น. ตามเวลาเกาหลี

เรื่องย่อ The Master’s Sun


               เรื่องนี้เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ กับชายหนุ่มที่พยายามจะปกป้องเธอ ละครเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดโรแมนติกปนสยองขวัญ เรื่องนี้ได้พระเอก โซจีซบ มารับบทเป็น ชูจุงวอน ประธานบริษัท ขี้เหนียว โลภมาก และหลงตัวเอง ซึ่งวัดค่ามิตรภาพกับทุกคนด้วยเงิน ในขณะที่ แทกงชิล (รับบทโดย กงฮโยจิน) เป็นเลขาที่จมอยู่ในความเศร้าและมองเห็นวิญญาณได้หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ และนั่นทำให้เธอกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ เธอใช้ชีวิตอย่างสันโดษและปิดตัวเองเพราะสิ่งที่เธอเป็น
เรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่คนหลายๆมาเจอกัน คนหนึ่งเห็นและได้ยินสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ส่วนอีกคนกลับมองเห็นและรับรู้แค่สิ่งที่เขาต้องการ และเมื่อทั้งคู่เจอกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตาม The Master’s Sun ที่โคตรฮิต



นักแสดง The Master’s Sun

นักแสดงหลัก

So Ji Sub โซจีซบ รับบทเป็น Joo Joong Won ชูจุงวอน

Kim Myung Soo รับบทเป็น Joong Won (ตอนเด็ก)




Gong Hyo Jin รับบทเป็น Tae Gong Sil แทกงชิล



Seo In Guk รับบทเป็น Kang Woo คังอู




Kim Yoo Ri รับบทเป็น Tae Yi Ryung แทอิรยอง




ตัวอย่าง The Master’s Sun





มีเพลงมาฝากด้วย

















               เป็นไงกันมั่ง น่าดูใช่มั๊ยล่ะ ขอพูดถึงเนื้อเรื่องนิดนึงนะ ซีรี่ย์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผี สำหรับคนไหนที่ไม่ชอบดูหนังผีหรือไม่กล้าดูหนังผี แนะนำเรื่องนี้นะ เพราะตัวเราก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบการดูหนังผีเลย บอกตรงๆว่าซีรี่ย์เรื่องนี้ตอนแรกเราไม่เคยคิดจะดูเลยด้วยซ้ำ เพราะอย่างแรกเป็นหนังผี ต้องน่ากลัวแน่เลย เคยพูดกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ดูเรื่องนี้เด็ดขาด แต่บังเอิญว่ามีเพื่อนเราแนะนำมาว่ต้องดูให้ได้นะ ถ้าไม่ได้ดูเสียใจแย่ ไอ้เราก็คิดว่ามันจะสนุกขนาดไหนเชียว เราเลยตัดสินใจดู แล้วสุดท้ายก็ติดค่ะ ติดหนึบเลย ดูวันเดียวจบเป็นสถิติใหม่ที่น่าทึ้งมาก ฮ่าๆ  พระเอกกับนางเอกแสดงดีมาก เป็นคู่ที่มีเคมีเข้ากันมาก อยากให้เล่นเรื่องอื่นด้วยกันอีก ก่อนดูเรารู้สึกว่านางเอกไม่สวย พระเอกไม่หล่อ แต่พอดูไปแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ หลงรักทั้งคู่ เป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์มากๆ ยังไงก็ฝากซีรี่ย์เรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ
เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บ 


เว็บโคตรฮิตเป็นเว็บที่ดูซีรี่ย์ดีมาก แปลเร็วมาก ยอดเยี่ยมที่สุด ชอบมากๆค่ะ ใครสนใจเข้าไปโลด!

   ส่วนวันนี้ก็ขอลาไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ  ดูให้สนุกนะคะ^^





อ้างอิง : http://www.kodhit.com/




วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนนนน
พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่ทุกคนรอคอยของขวัญจากซานตาครอส
ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาสเรามาทำความรู้จักกับวันคริสต์มาสกันดีกว่า


ตำนานวันคริสต์มาส

          คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas


          เทศกาล Christmas หรือ X’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร
         
         ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม





องค์ประกอบในงานคริสต์มาส

ซานตาครอส

          เป็นสิ่งแรกๆ ที่คนจะนึกถึงในฐานะสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส ซึ่งว่ากันว่าซานตาคลอสคนแรก คือ นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 และเหตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นซานตาครอสคนแรก มาจากวันหนึ่งที่ท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี




          นักบุญนิโคลัส นั้นเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือว่าเป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆ เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม เอาไว้ ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลัสก็เปลี่ยนเป็น ซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราชก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วนและใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติของเขา

          ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียงตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย อาทิ ความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง

ถุงเท้า

           จากที่นักบุญนิโคลัสได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟของบ้านเด็กหญิงยากจน เพื่อที่จะมอบเหรียญเงินให้เป็นของขวัญ แต่เหรียญนั้นกลับตกไปอยู่ในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้หน้าเตาผิง พอรุ่งเช้าเด็กหญิงตื่นมาเจอเหรียญเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ผู้คนมากมายต่างพากันแขวนถุงเท้าคริสต์มาสไว้ เพื่อหวังจะได้รับของขวัญเช่นเดียวกันบ้าง




ต้นคริสต์มาส

          นอกจากนี้อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้นคริสต์มาส ซึ่งต้นคริสต์มาสก็คือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยลูกแอปเปิ้ลและขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท และก็ได้มีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยจนมาถึงการประดับด้วยดวงไฟหลากสีสัน ขนม และของขวัญ อย่างในทุกวันนี้ การตกแต่งแบบนี้ต้องย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก

          โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก และอีกเหตุผลที่ใช้ต้นสนก็เพราะว่ามันหาง่าย

          ในสมัยโบราณนั้นต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส


ต้นฮอลลี่

          ต้นฮอลลี่ เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ย และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส เชื่อกันว่า สีเขียวของต้นฮอลลี่มีความหมายถึง การมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ และมีความสัมพันธ์กับพระเยซู โดยผลสีแดงของต้นฮอลลี่นั้นหมายถึงหยดเลือดของพระเยซูที่ไหลลงบนไม้กางเขน ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความรักที่มีต่อพระเจ้า ใบไม้ที่มีหนามของต้นฮอลลี่เป็นสิ่งที่เตือนพวกเราถึงมงกุฏหนามที่พวกชาวทหารโรมันได้นำมาวางไว้บนศีรษะของพระเยซูคริสต์



ดอกไม้คริสต์มาส หรือ Poinsettia

          ตำนานของดอก Poinsettia ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันคริสต์มาส มาจากเรื่องราวของเด็กหญิงจนๆ คนหนึ่ง ที่ต้องการหาของขวัญไปมอบให้พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ แต่เนื่องจากเธอไม่มีสิ่งของใดๆ ติดตัว จึงเดินทางไปตัวเปล่า และระหว่างทางเธอได้พบกับนางฟ้าที่บอกให้เธอเก็บเมล็ดพืชไว้ ต่อมาเมล็ดพืชนั้นกลับเจริญเติบโตเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ซึ่งก็คือดอก Poinsettia ตั้งแต่นั้นดอก Poinsettia ก็ได้รับความนิยมใช้ประดับประดาบ้านในงานคริสต์มาส

ดอกคริสต์มาส Christmas Rose

           มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ ลักษณะเป็นดอกสีขาว และมักออกดอกในช่วงฤดูหนาว ตำนานของดอกคริสต์มาสนี้มีอยู่ว่า ในช่วงที่พระเยซูประสูติ มีผู้รอบรู้ 3 คน กับคนเลี้ยงแกะเดินทางมาพบพระเยซู ระหว่างทางพวกเขาพบกับ มาเดลอน เด็กหญิงที่เลี้ยงแกะคนหนึ่ง เมื่อเธอทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาเพื่อมอบของขวัญให้พระเยซู มาเดลอนก็เสียใจที่ไม่มีของขวัญใดไปมอบให้พระเยซูบ้าง ก่อนที่นางฟ้าที่เฝ้ามองเธออยู่จะเกิดความเห็นใจจึงร่ายมนตร์เสกดอกไม้สีขาวน่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรงปลายกลีบให้เธอ และดอกไม้นั้นคือ ดอกคริสต์มาสนั่นเอง


 เพลงวันคริสต์มาส

            เพลงคริสต์มาสเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 แต่งโดยพระสงฆ์และฆราวาส มีเนื้อร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่

          เพลงคริสตมาสแบบใหม่นี้ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน เพราะมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดีในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night

          ความเป็นมาของเพลงนี้มาจากวันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้องไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ นำไปให้เพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber) ใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั่นเอง และเล่นเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก

คำอวยพรวันคริสต์มาส

           ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำอวยพรให้แก่กันและกันว่า Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า "สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษที่ 4 และค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป



 สีประจำวันคริสต์มาส

 สีที่เกี่ยวข้องในวันคริสต์มาสประกอบด้วย

          สีแดง : เป็นสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็นสัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี

          สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาตื หมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง

          สีขาว : เป็นสีของหิมะ และเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา คือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง สีขาวนี้จะปรากฎบนเสื้อคลุมนางฟ้า, เคราและชายเสื้อของซานตาครอส


          สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว


 เทียนและพวงมาลัย

           พวงมาลัยนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่คนสมัยก่อนใช้หมายถึงชัยชนะ แต่สำหรับการแขวนพวงมาลัยในวันคริสต์มาสนั้น หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์ตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า ซึ่งธรรมเนียมนี้ เกิดจากกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในประเทศเยอรมันได้เอากิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้น ในตอนกลางคืนของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะจุดเทียนหนึ่งเล่ม สวดภาวนา และร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกันเป็นเวลา 4 อาทิตย์ก่อนถึงวันคริสต์มาส ประเพณีเป็นที่นิยมอยางมากในประเทศอเมริกา ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเทียน 1 เล่มนั้นมาจุดไว้ตรงกลางพวงมาลัยสีเขียว และนำไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง เพื่อเป็นการเตือนให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้ว่าใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว ส่วนเหตุผลที่พวงมาลัยมีสีเขียวนั้น เป็นเพราะมีการเชื่อกันว่าสีเขียวจะช่วยป้องกันบ้านเรือนจากพวกพลังอันชั่ว ร้ายได้



ระฆังวันคริสต์มาส

       เสียงระฆังในวันคริสต์มาสคือการเฉลิมฉลองให้กับการประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมีตำนานเล่าว่า มีการตีระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันคริสต์มาสเพื่อลดพลังความมืด และบ่งบอกถึงความตายของปีศาจ ก่อนที่พระเยซูผู้ที่จะมาช่วยไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น และระฆังนี้มีเสียงดังกังวาลนานนับชั่วโมง ก่อนที่ในเวลาเที่ยงคืนเสียงระฆังนี้จะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข




 ดาว

ดาว ในความหมายของชาวคริสต์เตียน หมายถึงการแสดงออกที่ดีของพระเยซูคริสต์ ที่บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "The bright and morning star" มีความหมายพิเศษเหมือนกับว่า ดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่อยู่กับสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกำแพงอะไรขวางกั้นระหว่างพื้นผิวโลกด้วยก็ตาม




 เครื่องประดับและแอปเปิ้ล   

          การแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาสนั้น เริ่มต้นจากเมือง Saturnalia ในช่วงยุคโรมัน ต่อมาชาวคริสต์รับประเพณีนี้เข้ามา ด้วยความเชื่อว่า การให้ของขวัญนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง, ยางสนที่มีกลิ่นหอม และ ยางไม้หอม ซึ่งพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดินทางมาคารวะพระเยซูคริสต์ นำมาให้ตอนที่ท่านประสูติ

          ทั้งหมดนั้นก็คือการเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู ที่เกิดมาเพื่อชำระบาปให้แก่ชาวคริสต์ทั้งหลาย และเป็นเทศกาลที่นำความสุข สนุกสนาน มาสู่หมู่มวลมนุษย์ 


และนี่ก็คือประวัติของวันคริสต์มาสนะจ๊ะ 
วันนี้เรามีเพลงเพราะๆมาฝากด้วยนร๊า






อันนี้จะเป็นบทละครวันคริสต์มาส เราว่าน่าสนใจดีเลยเอามาฝากทุกคนนะจ๊ะ





พรุ่งนี้วันคริสต์มาสแล้ว  Merry Christmas ทุกคนนะจ๊ะ 

มีความสุขในวันคริสต์มาสนะ วันนี้บ๊าย บาย



อ้างอิงจาก : http://hilight.kapook.com/view/18771


วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประวัติ อูยอง วง 2PM


ประวัติ JANGWOOYOUNG วง 2PM

เมื่อครั้งที่แล้วเราเอาประวัติของดีโอมาให้รู้กันแล้ว วันนี้เรามาดูประวัติของอูยองแห่งวง 2PM ดีกว่า 
อูยองเป็นศิลปินนักร้องเกาหลีอีกคนนึงที่เราชอบ ด้วยความขี้เล่น น่ารัก นิสัยดีเราจึงชอบ 
ไปดูประวัติกันเลยดีกว่า

ชื่อ:: จาง อูยอง,อุยอง

ฉายา:: อูด้ง,เด็กด้ง,อังอัง,มิสเตอร์จาง

ตำแหน่ง:: ร้องนำ,เต้น

ศาสนา:: พุทธ

ภาษา:: เกาหลี,อังกฤษ,ญี่ปุ่น

เกิด:: 30 เมษายน 2532

กรุ๊ปเลือด:: B

ด้ง มาจาก ปูซาน เกาหลีใต้  ด้ง ได้ อันดับ 1 ในการออดิชั่น กว่าพันคน (เก่ง มากก ด้ง (^^)

ด้ง หน้า เด็ก กว่า ซานชอง ซึ่ง เป็น น้องเล็ก(เอ๊ะ!!! รึ ซาน มันหน้าแก่ หว่า!!)

ด้ง ชอบ เล่นกล้อง (เห็น กล้อง เป็นไม่ได้ .... มาเชียว ^^)

ทุกคน ในวง ชอบ แกล้ง ด้ง โดยเฉพาะ ซาน  ด้ง ชอบกินไก่ มว้าากก

ดูประวัติกันไปแล้วไปดูรูปเลยดีกว่า คิคิ